วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

‘บูเดจิเก’(부대찌개) คืออะไร?? จะหน้าตาน่าทานขนาดไหนกันนะ?

สวัสดีค่ะทุกคนนนนน  ไม่ได้มาแนะนำอาหารสักพักแล้วเนอะ  วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ บูเดจิเก หรือ หม้อไฟเกาหลีนั่นเองค่า  เมนูนี้นอกจากจะหน้าตาน่าทานแล้วยังมีความเป็นมาด้วยแหละ  บางคนอาจจะรู้จัก บูเดจิเก แล้ว แต่อาจยังไม่รู้ความเป็นมา ดังนั้นมารู้จักไปพร้อมๆกันเลยค่ะ~~~



‘บูเดจิเก’(부대찌개)

‘บูเดจิเก’(부대찌개) หรือที่หลายๆคนเรียกว่า แกงทหาร บ้าง หม้อไฟเกาหลี บ้างเนี่ย  เป็นแกงที่ใส่วัตถุดิบทั้งหมด เช่น แฮม  ไส้กรอก  กิมจิ  ต็อก  มาม่าเกาหลีลงไปต้มในหม้อรวดเดียวเลยค่ะ  ถือเป็นอาหารฟิวชั่นของประเทศเกาหลีเลยล่ะ   แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันนะคะว่าอาหารชนิดนี้เป็นแกงที่จะใส่วัตถุดิบอย่างพวกแฮม  ซึ่งเป็นของที่นำเข้ามาในเกาหลีจากทหารอเมริกาในสภาวะที่ประเทศเกาหลีกำลังขาดแคลนอาหารหลังจากสงคราม 6.25 นั่นเอง


ความผสมผสานของอาหารเกาหลีและอเมริกา

ต้นกำเนิดของอาหารที่ดูปอนๆจนน่าหัวเราะนั้นมาจากการรวมกันของอาหารจากหลายๆประเทศค่ะ  ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นแกงเผ็ดก็เป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์ของอาหารเกาหลีอยู่   และได้ถูกประเมินว่าเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศเกาหลีซึ่งเคยอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายมาก่อน

สงคราม 6.25 (สงครามเกาหลี)

วัตถุดิบในการทำบูเดจิเก (ใส่อย่างอื่นที่อยากทานก็ได้)

ความเป็นมาของบูเดจิเกก็จะเริ่มหลังจากที่เกิดสงครามเกาหลีนั้น  ประเทศเกาหลีก็ได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารค่ะ  ดังนั้นชาวเกาหลีที่ทำงานเกี่ยวข้องกับทหารอเมริกาจึงได้ทำแกงขึ้นมาด้วยการใช้ซอสพริกโคชูจังร่วมกับแฮมกระป๋องหรือไม่ก็ฮอทดอกที่ได้จากค่ายทหารอเมริกาที่ตั้งฐานทัพอยู่ในเมืองต่างๆของจังหวัดคยองกี อย่างเมืองทงดูชอน  เมืองยางจู  เมืองอึยจองบู  ซงทัน  เป็นต้นค่ะ

 ‘บูเดจิเก’(부대찌개) ที่เพิ่มมาม่าเกาหลี

เนื่องจากในตอนแรกนั้นจะใช้วัตถุดิบจากอาหารที่เหลือจากทหารอเมริกาหรืออาหารที่แอบหยิบมาจากเสบียงของทหารอเมริกา แกงนี้จึงได้ชื่อว่า “บูเดชิเก” (부대찌개) หรือ แกงทหารนั่นเอง (부대 = ทหาร , 찌개 = แกง)  ซึ่งถึงแม้ตอนนี้เกาหลีจะผ่านพ้นจากความยากจนไปแล้ว  แต่แกงบูเดจีเกนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่  และยังมีการเพิ่ม มาม่าเกาหลี ที่เป็นอาหารสำเร็จรูปในปัจจุบันลงไปด้วยค่ะ


ก็รู้กันไปแล้วนะคะทั้งความน่าทาน  ทั้งความเป็นมาของบูเดจิเก  จริงๆถ้าทุกคนอยากจะทานก็ไม่ต้องไปถึงเกาหลีหรือร้านแพงๆหรอก  ลองทำเองเลยค่ะเพราะวิธีทำก็ไม่ได้ยากอะไร อยากทานอะไรก็แค่ใส่ๆไป ต้มให้เดือดก็ได้ทานแล้วค่ะ ง่ายมากกกกกก 

Photo Credit :
http://hls3790.tistory.com/841
http://m.blog.daum.net/kwonojn/6735
http://devilmind.tistory.com/138
http://saesayon.org/2013/06/25/12121/
http://nolgomugza.tistory.com/519


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น